ทุกวันเช้าศุกร์ หลังเลิกแถวหน้าเสาธง นักเรียนทุกคนจะมาทำกิจกรรมจิตศึกษาร่วมกันทั้งหมดของโรงเรียน
ทั้งนี้การทำกิจกรรมจิตศึกษาในเช้าวันศุกร์จะมีผู้นำในการทำกิจกรรมคือนักเรียนในแต่ละระดับชั้น โดยมีการสับเปลี่ยนหนุมเวียนกันไป
เช้านี้เป็นระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นผู้นำกิจกรรม โดยเด็กชายอยู่ บาน ตัวแทนนักเรียนชั้นม.3 ร่วมกับเพื่อนร่วมชั้นเป็นแกนนำในการทำกิจกรรม
สิ่งหนึ่งที่เป็นที่สังเกตช่วงของการทำกิจกรรม Brain Gym เด็กชายอยู่ บาน พาพี่ๆน้องๆ ทำท่าโดยใช้มือประกอบ 3 ท่า
ประสานมือ
กำปั้นชนกัน พนมมือ
ภายหลังจากที่เด็กชายอยู่ได้สาธิต 3 ท่าแก่นักเรียนทุกคนทราบ ก็ให้นักเรียนในวงจิตศึกษาเลือกเพียงแค่ 1 ท่าที่ตนเองชอบที่สุด
จากนั้นให้นักเรียนทุกคนในวงเลือกท่าที่ชอบ 1 ท่าตามลำดับ จากนั้นเด็กชายอยู่ ก็ทำหน้าที่พยากรณ์ความรู้สึกของทุกคนในวงจิตศึกษา
คนที่เลือกการ ประสานมือ – แทนด้วยสีเขียว หมายถึงความ กล้าหาญ / กล้าแสดงออก ในที่นี้มีนักเรียน แสดงออกด้วยท่ามือประสานกันประมาณ 10 %
คนที่เลือกการ พนมมือ – แทนด้วยสีฟ้า หมายถึงความ สงบ ในที่นี้มีนักเรียน แสดงออกด้วยท่ามือพนมมือกันประมาณ 50 %
คนที่เลือกการใช้กำปั้นชนกัน – แทนด้วยแดง หมายถึงความ โกรธ/ไม่พอใจ ในที่นี้มีนักเรียน แสดงออกด้วยท่ากำปั้นชนกันประมาณ 40 %
เด็กชายอยู่ใช้การทำ Brain Gym ด้วยท่า 3 ท่านี้
หลังจากการทำกิจกรรมจิตศึกษาเสร็จ ผมจึงเรียกเด็กชายอยู่มาคุยด้วย เพื่อการเรียนรู้วิธีคิดของเขา
ผอ: อยู่ทำไมหนูถึงใช้ท่าBrain Gym 3 ท่านี้
อยู่: ผมอยากทำอะไรที่ใหม่ๆ. ไม่ซ้ำของเดิมครับผอ.
ผอ: อยู่คิดมานานยัง
อยู่:3 วัน แล้วครับผอ.
ผอ: ดีนะ. กล้าคิด และสร้างสรรค์ดี
ผอ: อยู่ หนูคิดว่าการทำจิตศึกษาโดยการทำรวมกันแบบนี้หนูคิดว่าดีไหม
อยู่: มันก้อดีครับผอ. การทำรวมกันทั้งหมด จะเป็นการทำให้นักเรียนแต่ละห้องได้มีการคัดเลือกคนเก่ง คนกล้า ออกมาเป็นแกนนำในการทำกิจกรรม. การทำในห้อง นักเรียนมีส่วนร่วมน้อย ครูเป็นผู้นำทำกิจกรรมเป็นส่วนใหญ่
แต่ผมอยากให้ครูลงมานั่งในวงทำกิจกรรมร่วมกับเด็ก ๆ เพื่อเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างครูกับเด็ก เป็นการสร้างความเป็นกันเองให้เพิ่มมากขึ้น
ผอ: ก้อดีนะความคิดเรา. แล้วเราคิดไงกับการทำกิจกรรมจิตศึกษาที่ผ่านมา
อยู่ :ผมมองการทำจิตศึกษาเหมือนการก้าว ๓ ก้าวตอนนี้เรายังอยู่แค่ก้าวแรกเท่านั้นเองครับ
ผอ: แล้วทำอย่างไรจึงจะไปยังก้าวที่ ๒ และถึงก้าวที่ ๓ ที่เราคิด อยากให้ลองเสนอแนะปรุงแต่งเสนอแนะดูสิ เพื่อให้ทำจิตศึกษาไปถึงก้าวที่ ๓ เหมือนการทานก๋วยเตี๋ยว ต้องปรุงก่อนทานเสมอ คงไม่มีใครทานโดยไม่ปรุงมีก้อน้อย
อยู่:ทานก๋วยเตี๋ยวทุกวันมันก็เบื่อนะครับ ผอ. (สวนทันที)
ผอ: อ้าว
อยู่ :มัน ๆ เปลี่ยนบ้าง จิตศึกษาก็เหมือนกินก๋วยเตี๋ยว ทำทุกวันซ้ำ ๆ ผมก็เบื่อ อยากให้มีกิจกรรมที่ไม่ซ้ำซาก จำเจ
ผอ: แล้วดีไหม การทำจิตศึกษา
อยู่: ดีครับ แต่ผมมองว่าเด็กบางคนยังไม่มีความกล้าพอที่จะคิดและแสดงออกมา อยากให้นักเรียนมีความกล้าแสดงออกมากกว่านี้
…เรียกครูวนิดามาร่วมรับฟัง….
ผอ: หนูบอกครูสิว่าหนูรู้สึกอย่างไร
“………………………………………………………………………………………..”
ครูวนิดา: หนูคิดหรือผอ.คิด
อยู่ : ผมคิดครับ
ผอ:หนูมีอะไรจะเสนออีกไหม…
อยู่:..เสนอได้ใช่ไหมครับ
ผอ: ได้…ทำไมจะไม่ได้ยินดีเลย
อยู่:ผมเคยพูดในที่ประชุมสภานักเรียนหลายครั้ง
ผอ: อะไรเหรอ…
อยู่ :..ผมอยากให้มีออดในโรงเรียน
ผอ: การที่ไม่มีออดมันเป็นการฝึกตัวเองด้วยตัวเราเอง โดยไม่ให้มีสิ่งใด/วัสดุใดมากำหนดให้ว่าเราจะทำอะไรตอนไหน เหมือนไก่กับนกกาเหว่าที่ส่งเสียงขันหรือร้องเป็นเวลา โดยไม่มีสิ่งใดมาคอยเตือน มันรู้ตัวของมันเอง
…เหมือนกับเรา ถ้าเราฝึกให้ตัวเรามีวินัยในตัวเองได้เอง โดยที่ไม่มีสิ่งใดมาบอก มาเตือน เราสามารถทำได้เองโดยอัตโนมัติ จะดีกว่าไหม ฝึกตัวเราเองเริ่มที่ตัวเรา
อยู่: ครับ (ยิ้มบาน)
…………………………………………..